หลายคนอาจสงสัยว่า SEO คืออะไร มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำเว็บไซต์ และจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ออกแบบได้ตามหลัก SEO ถึงจะขึ้นหน้า Google ได้ในระยะยาว
การทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับ Google โดยอ้างอิงหลักมากจากการค้นหาจากคำค้นหาหรือการปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์ ซึ่งการออกแบบเว็บไซต์หรือลงเนื้อหาบนเว็บไซต์จะต้องมีตัวช่วยสำคัญ นั่นก็คือ On-page SEO นั่นเอง
On-page SEO หรือการปรับปรุงการแสดงผลและเนื้อหาบนหน้าเว็บเพจให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งมุ่งเน้นที่การปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างภายในของเว็บไซต์เอง
องค์ประกอบสำคัญของ On-page SEO
On-Page SEO คือการปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ ภายในเว็บไซต์เพื่อให้เว็บไซต์นั้นสามารถติดอันดับที่ดีในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา (Search Engine) โดยเฉพาะ Google องค์ประกอบสำคัญ
- คีย์เวิร์ด (Keywords) การเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและการใช้คีย์เวิร์ดเหล่านั้นอย่างถูกต้องในเนื้อหา การใช้คีย์เวิร์ดหลักในหัวเรื่อง (Title Tag), คำอธิบาย (Meta Description), หัวข้อย่อย (Headings) และเนื้อหาหลัก (Body Content) เป็นสิ่งสำคัญควรเลือกให้ตรงกับจุดประสงค์ของแต่ละหัวข้อ
- หัวเรื่อง (Title Tag) หัวเรื่องเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดใน หัวเรื่องควรมีความยาวไม่เกิน 60 ตัวอักษรและควรมีคีย์เวิร์ดหลักอยู่ในนั้น
- คำอธิบาย (Meta Description) คำอธิบายเป็นส่วนที่แสดงผลในผลการค้นหา ควรมีความยาวไม่เกิน 160 ตัวอักษรและควรมีคีย์เวิร์ดหลักอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
- หัวข้อย่อย (Headings) การใช้แท็กหัวข้อ (H1, H2, H3, ฯลฯ) ช่วยให้เนื้อหามีโครงสร้างที่ชัดเจนและง่ายต่อการอ่าน แท็ก H1 ควรใช้สำหรับหัวข้อหลักและควรมีเพียงหนึ่งครั้งในแต่ละหน้า
- เนื้อหา (Content) เนื้อหาควรมีคุณภาพสูง ให้ข้อมูลที่มีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับคำค้นหา เนื้อหาควรมีความยาวที่เพียงพอและมีการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ
- การใช้ภาพ (Images) การใช้ภาพในเนื้อหาช่วยให้เนื้อหามีความน่าสนใจมากขึ้น ควรใช้ alt text ในการอธิบายภาพเพื่อช่วยเครื่องมือค้นหาเข้าใจว่าภาพนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร
- ลิงก์ภายใน (Internal Links) การเชื่อมโยงระหว่างหน้าต่างๆ บนเว็บไซต์ช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถสำรวจเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น และช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้
- ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ (Page Load Speed) ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บเป็นปัจจัยที่สำคัญในการจัดอันดับ หน้าเว็บที่โหลดช้าจะมีผลกระทบต่อประสบการณ์ผู้ใช้และอาจทำให้อันดับลดลง
- การตอบสนองต่ออุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Responsiveness) เว็บไซต์ควรได้รับการออกแบบให้สามารถแสดงผลได้ดีบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ เนื่องจากปัจจุบันการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
- การใช้ URL ที่เป็นมิตร (SEO-friendly URLs) URL ควรมีความสั้น กระชับ และมีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง URL ที่เป็นมิตรกับ SEO จะช่วยให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บได้ง่ายขึ้น
ประโยชน์ของปรับแต่งหน้าเว็บไซต์
- เพิ่มการมองเห็น (Visibility) ช่วยเพิ่มโอกาสที่เว็บไซต์จะปรากฏในผลการค้นหาสูงขึ้น ทำให้ผู้ใช้ค้นพบเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นและยิ่งเพิ่มโอกาสการมองเห็น
- เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน (User Experience) การปรับปรุงโครงสร้างและเนื้อหาให้เหมาะสมทำให้ผู้ใช้สามารถนำทางและเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ (Credibility) เว็บไซต์ที่มีการจัดการ ที่ดีมักจะมีเนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าเว็บไซต์นั้นน่าเชื่อถือ
- เพิ่มอัตราการคลิก (Click-through Rate) การใช้หัวเรื่องและคำอธิบายที่น่าสนใจสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้และเพิ่มอัตราการคลิกเข้าชมเว็บไซต์
สรุป
การปรับแต่งเนื้อหาหน้าเว็บไซต์ให้ถูกหลัก SEO เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในผลการค้นหา เป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนในระยะยาว ช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสที่จะแข่งขันในตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถพัฒนาเว็บไซต์ต่อไปได้ง่ายมากขึ้น
สำหรับธุรกิจออนไลน์หรือออฟไลน์ที่ต้องการจะประชาสัมพันธ์หรือโปรโมทให้กับแบรนด์ตัวเองก็สามารถเริ่มต้นทำได้โดยการมีเว็บไซต์ของธุรกิจ และใช้หลักการการออกแบบ การจัดวางเนื้อหาสำหรับหน้าเว็บไซต์เพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น หากการเริ่มต้นของธุรกิจออนไลน์ค่อนข้างที่จะซับซ้อนหรือยุ่งยากจนเกินไป ก็สามารถมองหาบริษัท Digital Marketing ที่ รับออกแบบเว็บไซต์ รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำ SEO เพื่อให้สะดวกสบายต่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัท Digital Marketing จะมีทั้งทีมงานการตลาดและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้บริการอยู่เเล้ว จึงเป็นเรื่องอำนวยความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก